American Beauty | อเมริกัน บิวตี้ (1999)

American-Beauty (1999)

American Beauty 1999 เป็นปีที่นักสร้างหนังหลายคนต่างพร้อมใจกันตั้งคำถามถึงสิ่งเดียวกัน “อะไรคือความหมายของการมีชีวิตอยู่?” ไล่มาตั้งแต่ Fight Club, Magnolia, The Cider House Rules, Being John Malkovich, The Green Mile, The Talented Mr. Ripley จนถึงเรื่องที่เราจะมารีวิวจาก เว็บหนังHD เรื่อง American Beauty เกือบทุกเรื่องที่กล่าวมามีสิ่งหนึ่งที่เหมือนกันโดยบังเอิญ คือการนำเสนอโลกแห่งความจริงควบรวมไปกับภาพแห่งความฝัน จนบางครั้งตัวละครและผู้ชมก็ไม่สามารถแยกออกจากกันได้

American-Beauty

American Beauty ภาพยนตร์ ดราม่า Drama กำกับโดย Sam Mendes ผู้กำกับที่เรียกได้ว่าพอหันมาจับงานทางด้านภาพยนตร์จอยักษ์ก็คว้ารางวัลออสการ์ไปเลย ซึ่งก่อนหน้านั้นเขาเคยกำกับภาพยนตร์ทางโทรทัศน์อยู่ 2 เรื่อง คือ Cabaret ในปี 1993 และ Company ในปี 1996 ก่อนจะหันมากำกับงาน American Beauty ในปี 1999 นั่นเองที่ทำให้เขาเป็นที่จดจำในวงการฮอลีวู้ดอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ภาพยนตร์แนวหลักที่ Mendes มักให้ความสนใจที่จะมากำกับส่วนใหญ่เป็นภาพยนตร์แนวที่ว่าด้วยเรื่องความสัมพันธ์ในครอบครัว ซึ่งนอกจาก American Beauty แล้ว อย่างเช่น Road to Perdition หรือ Revolutionary Road ก็ตาม ซึ่งงานกำกับของเขาเน้นสะท้อนที่ความตรงไปตรงมาของประเด็นที่เขาจะสื่อ

โดยหนังได้เล่าเรื่องถึง เลสเตอร์ เบิร์นแฮม (เควิน สเปซีย์) เป็นเหมือนชายอเมริกันวัยกลางคนทั่วไป เขามีครอบครัวที่พร้อมหน้าภรรยา และลูกสาว เขามีชีวิตที่ดำเนินไปในแต่ละวันที่ไม่มีอะไรโลดโผน อาจจะมีปัญหา ในหน้าที่การงานบ้างแต่ก็ดูจำเจหน้าเบื่อ กระทั่งวันหนึ่งเมื่อเขาพบกับแองเจลา เพื่อนคนสวยของลูกสาวเจน เลสเตอร์ก็ระลึกได้ว่าเขาเคยปรารถนาอะไร แต่สิ่งนั้นเป็นการไม่ซื่อสัตย์ต่อตนเอง และครอบครัว เขาจำเป็นต้องต่อสู้กับตัวเอง และเผชิญวิกฤตวัยกลางคนเพียงลำพัง โดยที่คาโรลีนภรรยาของเขาไม่สนใจที่จะรู้ถึงปัญหาของสามี และยิ่งกว่านั้น ไม่รู้และไม่ยอมรับด้วยซ้ำว่าตัวของเธอเองก็มีปัญหาเช่นกัน เมื่อเลสเตอร์เปลี่ยนไป คาโรลีนก็เปลี่ยนไปด้วย เธอคนหากับบัดดี เคนเจ้าพ่อที่ดิน แบบล้ำเส้น ในขณะที่เจน ลูกสาววัยรุ่นไม่เคยเข้าใจ พ่อแม่เลยมองแต่ตัวเอง ว่าด้อยค่าไม่โดดเด่นในเวลาเดียวกันที่ครอบครัวของเลสเตอร์กับเผชิญมรสุมอย่างเงียบ ๆ ครอบครัวเพื่อนบ้านอดีตนาวาเอกฟิทส์ผู้เพิ่งจะเกษียณอายุ ราชการ มาอยู่กับบ้านก็กำลังปรับตัวอย่างหนักในการอาศัยอยู่กับเพื่อนบ้านรอบข้างที่มีชีวิตขาดระเบียบ แบบกองทัพในมุมมองของเขา ริคกีลูกชาย ผู้หลงใหล ในการมองชีวิตรอบตัว และบันทึกด้วยกล้อง อินฟาเรดก็ต้องเผชิญกับความเคร่งครัดจากพ่อและแม่ ซึ่งปลีกตัวจากสังคม เก็บตัวและซ่อนเร้นปัญหาบางอย่างของครอบครัวไว้ เรื่องราวของเลสเตอร์และเพื่อนบ้านของเขาดำเนินต่อไปอย่างเงียบ ๆ และพัวพันกันมากขึ้น เมื่อเจนและริคกี้เริ่มคบหากัน และทั้งหมดก็เดินทางมาถึงจุดหนึ่งของชีวิตที่เปลี่ยนแปลง อนาคตของพวกเขาทั้งหมด

โดยรวมตัวหนังถือว่าเดินเรื่องเร็วเลยค่ะ แต่ด้วยการกำกับของ Sam งานภาพที่ดูเรียบง่าย รวมถึงเหล่านักแสดง ที่ขับเคลื่อนหนังกันได้ดี มันทำให้อารมณ์หนังมันไม่ติดขัดค่ะ คือรวดเร็ว แต่เราได้สารที่ต้องการจะสื่อ และได้ซึมซับอารมณ์ของเหตุการณ์พอสมควร ด้านนักแสดงคนที่ต้องชมมากที่สุดคือ Kevin Spacey ค่ะ เขาได้ฝากการแสดงที่สำหรับเรานะ ดีที่สุดในอาชีพเลยกับหนังเรื่องนี้ คือเขาแสดงเป็นคนธรรมดาแต่เล่นได้ไม่ธรรมดา การใช้สีหน้าแววตาต่างๆ ที่เป็นจุดขายของเขา คราวนี้เอามาใช้ได้ถูกจุดจริงๆ กับหนังเรื่องนี้ ระหว่างที่ดูเราออกแนวทั้งสงสาร ทั้งขำกับเลสเตอร์ค่ะ คือจุดประสงค์ของเขา มันจะน่าดีใจด้วย มันก็ไม่ใช่ จะบอกว่ามันทำให้เขากำลังแย่ลง มันก็ไม่เชิงอ่ะ เขาแค่เป็นคนที่รู้สึกเสียพลังในตัวเอง 

โดยตัวหนังกวาดรางวัลไปถึง 5 สาขานะค่ะ ประกอบไปด้วย ภาพยนตร์ยอดเยี่ยม นักแสดงนำชายยอดเยี่ยม ผู้กำกับภาพยนตร์ยอดเยี่ยม บทภาพยนตร์ดั้งเดิมยอดเยี่ยม และกำกับภาพยอดเยี่ยม นับว่าหนังดีกรีไม่ธรรมดาเลย เอาจริงๆ ก็มีข่าวมาบ้างนะคะว่า Sam Mendes ตอนถ่ายทำฉากแรกๆ แกก็ยังแอบประหม่าอยู่ เลยกลายเป็นเออออตามทุกฝ่ายไปหมด ผลลัพธ์ไม่เป็นตามคาดซักเท่าไหร่ ขนาดที่พอหนังถ่ายเสร็จแล้ว แกถึงกับต้องไปคุยกับทางสตูดิโออย่าง ค่ายหนังDreamWorks เลยคค่ะ ว่าไอ้ตัวฟุตเทจที่เขาถ่ายไว้ 3 วันแรกเนี่ยมันใช้ไม่ได้นะ ถ้าเขาขอถ่ายใหม่ ทางสตูดิโอจะให้ถ่ายรึเปล่า โดยคำพูดที่เขาไปขอนี่ก็ทัศนคติน่าชื่นชมค่ะ