Departures | ความสุขนั้นนิรันดร (2008)

Departures (2008)

Departures สวัสดีค่ะเพื่อนๆ วันนี้เราจะมาแนะนำภาพยนตร์ญี่ปุ่นจาก เว็บดูหนัง อีกสักเรื่อง The Departures หรือ Okuibito กำกับโดย Yojiro Takita แสดงนำโดย Masahiro Motoki, Ryoko Hirosue, Tsutomu Yamazaki ตอนที่ดูหนังเรื่องนี้ เราไม่รู้ข้อมูลอะไรเกี่ยวกับหนังแม้แต่นิดเดียว แต่ด้วยความที่ชอบดนตรีจึงเลือกเปิดหนังเรื่องนี้เพราะดูหน้าปกแล้วคิดว่าเป็นภาพยนตร์ที่เกี่ยวกับดนตรี classics พอดูไปแล้วจึงมาหาข้อมูลตามหลังพบว่า เป็นภาพยนตร์ที่ได้รับรางวัล Oscar สาขา best foreign language รวมทั้งกวาดรางวัลจากที่อื่นๆรวมทั้งที่ญี่ปุ่นเองอีกมากมายหลายรางวัล ดาราที่แสดงนำก็ได้รับรางวัลกันถ้วนหน้า

Departures

Departures เป็นภาพยนตร์แนว ดราม่า Drama เรื่องราวของ ไดโกะ (มาซาฮิโระ โมโทกิ) หลังจากแยกตัวออกจากวงออเคสตร้า ก็กลายเป็นคนตกงานที่หันไปทางไหนก็เจอแต่ความมืดมน อนาคตเรื่องอาชีพนักดนตรีที่เคยฝันไว้เสียสวยหรู กลับพังทลายลงต่อหน้าต่อตา ไดโกะและ มิกะ (เรียวโกะ ฮิโรสุเอะ) ภรรยาสาวแสนสวย จึงเดินทางออกจากเมืองหลวง และมุ่งหน้ากลับไปยังบ้านเกิดที่จังหวัดยามางาตะ เพื่อตั้งต้นชีวิตใหม่ 

เปิดเรื่องมาด้วยพิธีศพ หนังได้เล่าเรื่องย้อนกลับไปที่โคบายาชิ พระเอกเป็นนักดนตรี(เล่นเชลโลในวงออเคสตรา) แต่วงถูกยุบทั้งที่พระเอกเพิ่งซื้อเชลโลใหม่ ทำให้เป็นหนี้ 18 ล้านเยน สุดท้ายก็เลือกที่จะขายเชลโลแล้วกลับไปอยู่บ้านเก่าของแม่ที่บ้านนอก พอไปสมัครงาน(ที่พระเอกเข้าใจว่าเป็นงานเกี่ยวกับทัวร์เพราะมันลงประกาศว่าเกี่ยวกับการเดินทาง) ปรากฏว่าเป็นงานที่จัดการเกี่ยวศพ เงินเดือนสูงมาก แต่พระเอกไม่กล้าบอกภรรยาว่าเป็นงานอะไร เพราะที่ญี่ปุ่นอาชีพนี้มันออกจะแปลกๆอยู่ แต่จากที่ดูเป็นอาชีพที่สร้างรายได้เป็นกอบเป็นกำมาก เริ่มงานวันแรกพระเอกต้องนอนเป็นศพเพื่อถ่ายทำวีดีโอสาธิตขั้นตอนการจัดการศพ งานแรกของพระเอกเป็นคุณป้าที่อยู่คนเดียวตายมา 3 อาทิตย์ พระเอกก็อ้วกแถมตัวเหม็นกลับไป พระเอกแวะอาบน้ำเจอเพื่อนเก่าที่ทำร้านอาบน้ำคิดว่าพระเอกได้งานดี ยิ่งทำให้ไม่กล้าบอกใครว่าทำอาชีพอะไร พระเอกรื้อเชลโลเก่า(กับก้อนหินที่มีเรื่องราว)ที่บ้านมาเล่นแล้วก็คิดถึงแม่ บวกกับรู้สึกผิดที่ทิ้งแม่ไป อีกงานของพระเอก(ที่นั่งดูท่านประธานทำ)เป็นแม่บ้าน สามีที่นั่งเงียบมาตลอดพิธีร้องไห้แล้วมาขอบคุณท่านประธานตอนหลัง บอกว่าไม่เคยเห็นภรรยาสวยขนาดนี้มาก่อน ภรรยาพระเอกเริ่มสงสัยเพราะพระเอกต้องแอบออกไปทำงานตอนดึก ต่อมาภรรยาของพระเอกได้ดูวิดีโอสาธิตที่พระเอกไปเป็นศพแล้วเกิดรับไม่ได้เลยหนีไป เพื่อนพระเอกก็แสดงท่าทางรังเกียจ ศพต่อมาแม่รับสภาพลูกสาววัยรุ่นตัวเองไม่ได้ทั้งสีผมอะไรต่างๆที่เปลี่ยนไป งานก็วุ่นวายพระเอกถูกด่ากระทบ แบบว่าคนละเรื่องเดียวกันเลย พระเอกเลยมาขอลาออก ท่านประธานเล่าเรื่องภรรยาที่ตายไป เล่าได้ชิลมากเล่าไปกินไป สิ่งมีชีวิตต้องกินสิ่งที่ตายแล้วเพื่อมีชีวิตรอด พระเอกเริ่มชินกับงานที่ทำ เศร้าบ้าง ยิ้ม(ทั้งน้ำตา)ได้บ้าง มีงานนึงน่ารักมากหลานๆแต่งตัวให้คุณย่าแบบวัยรุ่น 

ต่อมาพระเอกเล่นเชลโลให้ท่านประธานฟังที่ร้านอาหาร คือพ่อของพระเอกทิ้งไปตั้งแต่ยังเด็กโดยที่พระเอกเข้าใจว่าพ่อเปิดร้านคอฟฟีช็อปแล้วหนีไปกับเด็กเสริฟ แล้ววันนึงภรรยาพระเอกก็กลับมาพร้อมข่าวดีว่าท้องและขอให้พระเอกเลิกทำอาชีพนี้ซะ ต่อมาพระเอกถูกตามให้ไปทำศพคุณป้าเจ้าของร้านอาบน้ำ(แม่ของเพื่อนที่เคยดูถูกพระเอกนั่นแหละ) ช่วงนี้หนังเดินเรื่องแบบเงียบๆแต่ได้อารมณ์มาก มันมีรายละเอียดมากมายในนั้น จุดที่ชัดมากคือพระเอกเอาผ้าพันคอมามาผูกให้คุณป้า คือคุณป้าแกจะผูกผ้าแบบนี้อยู่เสมอ ภรรยาพระเอกก็เข้าใจงานที่พระเอกทำอยู่มากขึ้น ลุง(มารู้ทีหลังว่าเป็นสัปเหร่อ)ที่มานั่งเล่นหมากรุกคนเดียวที่ร้านอาบน้ำทุกวันเล่นเอาน้ำตาซึมเลยทีเดียว บทสนทนากินใจมาก เฉลยเรื่องก้อนหินที่ใช้แทนจดหมาย ถ้าก้อนหินเรียบแสดงว่าผู้ส่งอารมณ์ดี พ่อพระเอกเคยสัญญาว่าจะส่งก้อนหินมาให้ทุกปี แต่ไม่เคยส่งมาเลย ต่อมามีจดหมายถึงแม่พระเอกบอกว่าพ่อพระเอกตายแล้ว ท่านประธานให้รถพร้อมโลงศพกับพระเอก ที่จริงพ่อพระเอกไปช่วยชาวประมงทำงาน พระเอกทนไม่ได้ที่เห็นคนจัดการกับศพพ่อแบบง่ายๆลวกๆขอทำพิธีเอง ตรงนี้เป็นครั้งแรกที่ภรรยาพระเอกพูกออกมาว่าสามีของชั้นเป็นคนจัดการศพค่ะ ระหว่างจัดการศพทั้งน้ำตาพระเอกเจอหินก้อนเล็ก(ก้อนนั้นที่สมัยเด็กๆเคยแลกกับพ่อ)ที่พ่อกำไว้ในมือ ภรรยาพระเอกยื่นก้อนหินส่งให้พระเอกส่งให้ลูกในท้อง

ข้อคิดจาก ภาพยนตร์ออสการ์ เรื่องนี้ หากเราเชื่อมมายังประเด็น “กระบวนกร” หรือ Facilitator จะเห็นว่าทุกตัวละครต่างก็แสดงเป็นกระบวนกรที่แตกต่าง เข้มข้นตามสถานะ แต่โดยรวมเราเห็นการให้ความหมายและเรียนรู้ผ่านจังหวะชีวิต เราเห็นชีวิตสอนชีวิต เห็นจังหวะเวลาที่เหมาะสมสำหรับการเริ่มต้นเรื่องใหม่ หลังจากที่เรื่องราวเดิมได้จบไปแล้ว