First Flight | รักสยามเท่าฟ้า (2008)

First-Flight (2008)

First Flight วันนี้เราได้เปิดหาหนังดูใน เว็บหนังHD และได้ไปเจอภาพยนตร์เก่าเรื่องหนึ่ง ชื่อเรื่อง รักสยามเท่าฟ้า ซึ่งเป็นหนังไทยที่เรายังไม่เคยดูมาก่อน โดยหนังเรื่องนี้ นำแสดงโดย ศรราม เทพพิทักษ์ ซึ่งเล่นเป็น ดวง เด็กหนุ่มลูกชาวบ้านที่เห็นเครื่องบินเป็นครั้งแรกในชีวิต แล้วเกิดประทับใจใฝ่ฝันจะเป็นนักบิน และขจรศักดิ์ รัตนนิสสัย เป็น พันตรีหลวงกาจยุทธการ หนึ่งในทหารไทยรุ่นแรกที่ไปฝึกเป็นนักบินที่ประเทศฝรั่งเศส และทอม เคลย์เตอร์ เป็น ปิแอร์ ปูร์ปอง ครูฝึกบินชาวฝรั่งเศส ที่มาช่วยจัดตั้งกองการบินสยาม เป็นหน่วยเล็กที่ตั้งขึ้นใหม่ในกองทัพบกไทย

First-Flight

First Flight เป็นภาพยนตร์ไทยย้อนยุค แนว สงคราม War ที่กำกับโดย ธนิตย์ จิตนุกูล เรื่องราวเกี่ยวกับการก่อตั้ง กองบินทหารบกของไทย ในสมัยรัชกาลที่ 6 ซึ่งต่อมาได้กลายมาเป็นกองทัพอากาศไทย 

ประเทศสยามในปีพ.ศ. 2447 หลังจากพันตรีหลวงกาจยุทธการกลับจากการฝึกเรียนการบินที่ประเทศฝรั่งเศส เขาได้รับมอบหมายจากเหล่าขุนนางให้ตั้งกองบินแห่งสยามขึ้นเพื่อให้ประเทศมีความศิวิไลซ์ขึ้น แต่ก็ยังมีขุนนางราชการผู้ทรงอิทธิพลและหัวโบราณบางคนที่ยังไม่เห็นข้อดีเครื่องบินและมองว่าเป็นเรื่องไร้สาระและสิ้นเปลือง เขาจึงพยายามเปลี่ยนความคิดของผู้มีอำนาจเพื่อให้ได้ทุนทรัพย์ในการตั้งกองบิน โดยเปิดพิธีแสดงบินเครื่องบินเหนือฟ้าให้เหล่าขุนนาง ทหารชั้นผู้ใหญ่เห็นกับตา พวกเขาต่างตะลึงในเทคโนโลยีที่ก้าวหน้า การแสดงครั้งนี้ได้รับความช่วยเหลือจากปิแอร์ ปูร์ปอง ครูฝึกของหลวงกาจ นอกจากเหล่าชนชั้นนำแล้ว ยังมีชาวบ้านหรือเหล่าไพร่ตาดำๆ ที่เป็นสักขีพยานในการบินของครั้งนี้ด้วย หนึ่งในนั้นคือ ดวง เด็ดฉิมพลี ชายหนุ่มลูกชาวนาที่ฝันสูงอยากจะเป็นนักบินกับเขาบ้าง ในวันรับสมัครทหาร ดวงและมิตรสหายก็มาสมัครเป็นทหารด้วย แต่เป็นได้แค่ทหารราบ เพราะทหารอากาศมีพื้นที่ว่างสำหรับนายทหารสัญญาบัตรเท่านั้น หรือเรียกง่ายๆ ว่าเหล่าลูกคนรวย ดวงไม่ลดละความพยายาม เขาฝึกซ้อมอย่างหนักจนได้เลื่อนตำแหน่งเป็นสิบโทอย่างรวดเร็ว วันหนึ่งขณะที่หลวงกาจฝึกซ้อมการบินอยู่ในทุ่งนานอกเมือง พร้อมกับศิษย์การบินกลุ่มแรก ประกอบด้วย นายทหารสัญญาบัตร 4 นาย ร้อยโทรัตน์, ร้อยเอกอัษฎา, พันตรีทวยเทพและร้อยตรีดำเกิง เมื่อเครื่องบินฝรั่งเศสเกิดการขัดคล่องได้ตกลงสู่ทุ่งนา ก็เรื่องวุ่นวายเมื่อควายของชาวบ้านวิ่งไล่เหล่านักบินจนวอดวาย โชคดีที่มีดวงมาช่วยคุมอารมณ์เจ้าทุยไว้ให้เพื่อไม่ให้เกิดความเสียหาย ดวงจึงถือโอกาสนี้แนะนำตัวเองกับหลวงกาจและบอกความในใจว่าตัวเองอย่างบินนักบิน เขาทำหน้าดุดันใส่แต่ก็พอจะเห็นหน่วยกร้านและศักยภาพของเขาแล้ว

ในวันเดียวกัน คุณหญิงมาลัยก็มายืนวาดรูปทิวทัศน์ในบริเวณที่มีการฝึกบิน ซึ่งได้วาดรูปเครื่องบินประกอบอยู่ในนั้นด้วย เมื่อหลวงกาจมาเห็นเข้าก็เดินเข้ามาตักเตือนว่าไม่เหมาะสมและให้ทำลายภาพวาดนั้นทิ้งเสีย เพราะถ้าหากหลุดไปอยู่ในมือของฝ่ายศัตรู จะเกิดผลเสียกับกองบิน โดยถ้าไม่ทำตามเธอจะถูกจับเข้าคุกตามกฎหมาย แต่คุณหญิงมาลัยรู้ดีกับยศถาบรรดาศักดิ์ของเธอ จึงพูดหยามเหยียดกลับไปว่า ขนาดควายหลวงกาจยังไม่มีปัญญาจับได้ แล้วริจะมาจับดิฉัน ร้อยเอกอัษฎาเดินเข้ามากระซิบหลวงกาจว่าเธอคือลูกสาวของใคร ก็เลยแยกย้ายกันไปคนละทาง แม้เขาจะรู้สึกเคืองอยู่บ้าง ในคืนงานเฉลิมฉลองซึ่งมีแต่เหล่าขุนนางและทหารชั้นผู้ใหญ่ ซึ่งดวงก็ถูกเชิญให้เข้าร่วมไปในงานด้วย หลังงานเลี้ยงเลิก ดวงได้พบกับคุณหญิงมาลัยอีกครั้ง ซึ่งรถที่เธอขับมานั้นเกิดเสีย ดวงที่เมามายก็อาสาที่จะซ่อมรถให้ แต่ดันทำรถระเบิดต่อหน้าต่อตาผู้คนในงาน จึงถูกตัดสินจำคุกทันทีด้วยข้อหาพยายามฆ่า แต่โชคดีที่หลวงกาจใช้อำนาจที่มีช่วยเหลือเขาออกมาจากคุกและฝึกฝนให้เขาเป็นนักบิน จนกลายเป็นที่กล่าวขานของคนรุ่นหลังมาจนถึงทุกวันนี้

ภาพยนตร์ไทย เรื่องนี้ พูดถึงช่วงเวลาที่สวยงามของสยาม ความรัก ความสามัคคี สิ่งที่รู้ว่า เป็นไปไม่ได้ แต่ก็พยายาม เหล่านี้ทำให้การบินครั้งแรกเกิดขึ้นในประเทศสยามได้ เพื่อให้ได้ภาพย้อนยุค ตรงตามประวัติศาสตร์  ปื้ด ธนิตย์ จิตนุกุล  อธิบายรายละเอียดของโปรดักชั่นงานสร้าง  ที่เน้นรายละเอียด ดูสมจริงตามประวัติศาสตร์ ให้ได้ภาพสมจริง สมกับเป็นหนังวีรบุรุษแห่งการบินไทย ในส่วนของสถานที่ถ่ายทำหลักของ “รักสยามเท่าฟ้า” มี 2 แห่ง ปากช่อง และนครสวรรค์ โดยทีมงานได้เนรมิต ให้เป็นสนามบินในอดีตยุครัชกาลที่ 6  ขึ้นมาค่ะ

Uncle Boonmee Who Can Recall His Past Lives | ลุงบุญมีระลึกชาติ (2010)

Uncle-Boonmee (2010)

Uncle Boonmee Who Can Recall His Past Lives สวัสดีค่ะเพื่อนๆ วันนี้เรามีหนังงานเทศกาลภาพยนตร์เมืองคานส์ (Cannes Festival) มารีวิวให้เพื่อนๆได้อ่านกันค่ะ โดยปกติแล้วงานนี้ภาพยนตร์ส่วนใหญ่จะมีแต่หนังต่างประเทศใช่มั้ยคะ แต่เพื่อนๆรู้มั้ย ว่าภาพยนตร์ไทยของเราก็ได้คว้ารางวัลมาได้เหมือนกัน กับภาพยนตร์เรื่อง Uncle Boonmee Who Can Recall His Past Lives ถ้าเพื่อนๆอยากรู้ว่าภาพยนตร์ หนังชนโรง เรื่องนี้ทำไมถึงได้รางวัล เราไปอ่านกันต่อเลยค่ะ

Uncle-Boonmee

ลุงบุญมีระลึกชาติ ภาพยนตร์ไทยแนว ดราม่า Drama กำกับโดย อภิชาติพงศ์ วีระเศรษฐกุล เป็นเรื่องราวเกี่ยวกับเรื่องเชิงเหนือจริง การนั่งสมาธิ สะกดจิต และระลึกชาติ โดยกล่าวถึงลุงบุญมีที่กำลังล้มป่วยด้วยอาการไตวาย บุญมีรู้ว่าตนเองจะมีชีวิตอยู่ได้ไม่ถึง 48 ชั่วโมง และเชื่อว่าความเจ็บป่วยที่เป็นอยู่อาจเกี่ยวกับกรรมที่เขาเคยฆ่าสมาชิกพรรคคอมมิวนิสต์ตายไปหลายราย เขาถูกภรรยาที่ตายไปมาหลอกหลอนในสภาพผู้บริบาลรักษา ลูกชายที่หายสาบสูญไปนานก็กลับมาจากป่าในสภาพที่คล้ายลิง เหตุการณ์เหล่านี้ทำให้ลุงบุญมีสามารถระลึกชาติได้ และติดตามไปยังสถานที่ที่เกี่ยวของกับอดีตชาติของเขา ก่อนจะเสียชีวิตไปพร้อม ๆ กับการสนทนาถึงเรื่องราวของชีวิตตนเอง ที่กินเวลานานหลายร้อยปี

ลุงบุญมี พำนักอาศัยอยู่ที่จังหวัดเลย เขาทำสวนมะขามซึ่งรายล้อมด้วยภูเขา ลุงบุญมีป่วยเป็นโรคไตวายเรื้อรังมาเป็นระยะเวลานาน เขาจึงรู้จักร่างกายของตัวเองว่าเขากำลังจะตายภายใน 48 ชั่วโมง ดังนั้นเขาจึงโทรเรียกให้ญาติห่าง ๆ ของเขาคือ เจนจิรา มารับเขาจากโรงพยาบาลเพื่อกลับไปตายที่บ้านสวน เจนจิรามาจากกรุงเทพพร้อมกับศักดิ์ดา ซึ่งเป็นเพื่อนของเธอที่แสดงภาพยนตร์มาด้วยกัน ที่นั่นพวกเขาได้เจอกับวิญญาณของฮวย ซึ่งเป็นภรรยาที่เสียชีวิตไปนานแล้วของลุงบุญมี   เธอปรากฏร่างขึ้นเพื่อมาดูแลสามีที่ป่วย ไม่เพียงแต่ภรรยาที่กลับมาเท่านั้น บุญส่ง ลูกชายของลุงบุญมีที่หายสาบสูญไปหลายปีก็กลับมาที่บ้านด้วย เขาออกมาจากป่าในร่างของมนุษย์ลิง ลูกชายของเขามีเมียเป็นสัตว์ประหลาดที่รู้จักกันในตำนานพื้นถิ่นว่า ‘ลิงผี’ และอาศัยอยู่ด้วยกันในป่ามานาน ระหว่างอาหารมื้อเย็นลุงบุญมีเล่าให้ฟังถึงความมหัศจรรย์ของการนั่งสมาธิ ซึ่งทำให้เขาระลึกชาติได้ เขาใช้เวลายามค่ำคืนเล่าเรื่องต่างๆในอดีตชาติให้แขกผู้มาเยือนฟัง และในคืนที่สองเมื่อเขาเล่าเรื่องจบลง ลุงบุญมีก็ตัดสินใจเดินทางไปยังสถานที่ที่ภรรยาของเขาพูดถึงคือบนภูเขาสูงลิบ ทุกคนออกเดินทางเข้าไปในป่ากลางดึก ป่าที่เต็มไปด้วยสรรพสัตว์และวิญญาณ และในที่สุดพวกเขาก็มาถึงถ้ำบนยอดเขา ลุงบุญมีจำได้ว่าถ้ำนี้เป็นที่ที่เขาเกิดในชาติแรกที่เขาสามารถระลึกได้ จากนั้นเขาก็เสียชีวิต เจนจิราและศักดิ์ดานำศพลุงบุญมีมาทำพิธีในเมือง เรื่องราวของลุงบุญมีได้ปิดฉากลงพร้อมกับความทรงจำที่ถูกถ่ายทอดแก่ชายหญิงสองวัยผู้ซึ่งกำลังจะมุ่งหน้ากลับกรุงเทพ

อภิชาติพงศ์ได้แรงบันดาลใจในการสร้างสรรค์ผลงานนี้จากแหล่งใหญ่สองแหล่ง คือ การเดินทางไปยังตำบลนาบัว อำเภอธาตุพนม จังหวัดนครพนม แล้วได้พบกับชาวบ้านที่ผ่านช่วงเวลาที่รัฐบาลทำสงครามต่อต้านคอมมิวนิสต์ ในช่วง พ.ศ. 2508 – พ.ศ. 2525 และหนังสือ คน ระลึกชาติ เขียนโดยพระศรีปริยัติเวที แห่งวัดป่าแสงอรุณ จังหวัดขอนแก่น มีเนื้อหาเกี่ยวกับประสบการณ์การระลึกชาติของนายบุญมี ผู้เคยเกิดเป็นนายพราน เป็นเปรต เป็นควายเป็นวัว ก่อนจะมาเกิดเป็นคนในภพชาตินี้ ซึ่งขณะที่เขาได้อ่านหนังสือเรื่องนี้บุญมีได้เสียชีวิตไปแล้ว โดยหนังสือเรื่องนี้เป็นแรงบันดาลใจในการเขียนบทให้เขาเรื่องเนื้อหาและโครงสร้าง ส่วนเนื้อเรื่องในภาพยนตร์เขากล่าวว่าเป็นเรื่องที่เขาคิดขึ้นเอง โดยเนื้อเรื่องและการออกแบบงานสร้างเขาได้รับแรงบันดาลใจจากรายการโทรทัศน์สมัยก่อนและการ์ตูนไทย ที่มักมีเนื้อเรื่องง่าย ๆ และเต็มไปด้วยองค์ประกอบเรื่องที่เหนือธรรมชาติ ลุงบุญมีระลึกชาติ เป็นส่วนเติมเต็มสุดท้ายของผลงานชุด “ดึกดำบรรพ์” (Primitive) ของอภิชาติพงศ์ 

เป็นหนังที่ฉีกจากเล่าเรื่องแบบเดิม แหวกขนบ ลองฉีกมุมมองการเล่าเรื่อง ซึ่งจากผลงานที่ผ่านมาของอภิชาติพงศ์ เขาไม่ได้ทำแค่หนัง แต่เขายังมีผลงานอื่นๆ อยู่ด้วย ภาพยนตร์สั้นอีก 2 เรื่อง ได้แก่ “จดหมายถึงลุงบุญมี” และ “ผีนาบัว” ซึ่งนอกจาก ภาพยนตร์ไทย เรื่องนี้แล้วยังประกอบด้วยงานศิลปะแบบจัดวาง (Installation Arts) ที่จัดแสดงในพิพิธภัณฑ์ศิลปะตามเมืองใหญ่ทั่วโลก เช่น มูลนิธิเพื่อศิลปะและการสร้างสรรค์แห่งเมืองลิเวอร์พูล ประเทศอังกฤษ พิพิธภัณฑ์ศิลปะสมัยใหม่ปารีส ประเทศฝรั่งเศส เป็นต้น